วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

พรหมลิขิต

พรหมลิขิต
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเชื่อและยึดถือความเชื่อนั้นได้เสมอ ตราบใดที่ตนยังไม่ได้รับการอธิบายหรือชี้แจงจากท่านผู้เป็นวิญญูชนจนได้รับความเข้าใจตามความเป็นจริง
แม้ในเรื่องพรหมลิขิตนี้ก็เช่นกัน ที่คนมากต่อมากถือว่ามีอยู่จริงและใครก็ไม่สามารถหนีพ้นไปได้ หรือพูดง่าย ๆ คือพรหมได้ขีดชะตาชีวิตแต่ละคนไว้แล้วมีน้อยคนที่จะฝืนได้อันนี้ละความเชื่อของคนส่วนมาก ฉะนั้นพวกเขาจึงพากันโทษให้เทพเจ้าเหล่าพรหมว่าไม่ยุติธรรมบ้างละ ชอบกลั่นแกล้งพวกเขาอยู่เรื่อยเลย ความคิดแบบนี้มันมีสำหรับพวกที่ผิดหวังในชีวิตของตน แต่สำหรับผู้ที่สมหวังสมปรารถนาในชีวิตของตนในเรื่องงานตลอดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ตนมุ่งหวังไว้ ก็มักจะพูดว่าพรหมและเทพเจ้าเข้าข้างคนดีเสมอและคำพูดที่ว่า “ พรหมบันดาล เทวดาบันดล ” ให้คนเราเกิดมาและนำพาให้ประสบสุข จะได้ยินอยู่เสมอ
แต่ผู้เขียนเองมีความเชื่อว่าที่ทุกท่านพากันเชื่อนั้นมีมูลเหตุอันไมน่าเชื่อถือนักดอก ถ้าจะให้ถูกนั้นควรเชื่อว่ากรรมลิขิตชีวิตคนต่างหากหาใช่พรหมไม่ คือคนเราจะดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเองต่างหาก คนเราจะสูงต่ำเลวทรามเพราะการกระทำของตนต่างหาก ถ้าทุกท่านมาเชื่อลองพิจารณาดูดี ๆ ก็ได้ว่าเป็นตามที่พูดมาทั้งหมดหรือเปล่า หากเป็นจริงแล้วไซร้ให้เปลี่ยนความคิดใหม่เถิด อย่ามัวพากันโทษเทพเจ้าเหล่าพรหมอยู่เลยเพราะชะตาชีวิตของคนเรา มีเราเท่านั้นเป็นผู้ลิขิตเองและเราก็ต้องรับผลของการกระทำนั้นเสมอ หากทุกท่านคิดให้ถี่ถ้วนด้วยปัญญาอันลุ่มลึกแล้วจะสามารถบอกตัวเองได้ว่า “ กรรมลิขิตชีวิตฉันดอกหรือนี่ แม้หลงงมงายกราบไหว้เทพเจ้าเหล่าพรหม มาเสียนานตาสว่างเสียที สาธุ คุณพระมาโปรดแท้ ๆ ”

ความจน

ความจน
คำว่า จนนี้เมื่อใช้นำหน้าศัพท์นามชนิดใดก็ตามฟังดูแล้วไม่เป็นที่พึงพอใจเอาเสียเลยนะครับ หากไม่เชื่อลองอ่านข้อความข้องล่างนี้ดูก็ได้
จนปัญญา จนใจ จนมุม จนทรัพย์เป็นต้น จะพูดไปแล้วคำว่าจนนี้นะใคร ๆ ก็ไม่ปรารถนาอยากจะพบเจอเอาเสียเลย เอาเป็นว่าทุกท่านมารู้จักคำว่าจนก่อนว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมทุกคนแอยากจะหนีก็ยังหนีไปไม่พ้นสักทีน่าแปลกนะ คนจนทรัพย์หรือจะเรียกกันว่าคนยากจนมันน่ากลัวจริงหรือ เรามาทำความเข้าใจกันดีไหม
ยากจนเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการรู้จักประหยัดอดออมและประกอบอาชีพสุจริตด้วยความขยันหมั่นเพียรเราก็ก็จะสามารถผ่านคำว่ายากจนได้ เพราะความยากจนนั้นเป็นความจนแค่ชั่วคราว ทุกคนสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นคำว่า มากจนได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะเอาจริงไหมที่สำคัญอย่าเป็นคนเกียจคร้านก็แล้วกัน
อยากจนเป็นสิ่งที่หน้ากลัวกว่ายากจน เพราะคำนี้เป็นปัญหาที่หน้าคิดเอามาก ๆ เลยที่เดียว เพราะไม่รู้ว่าผู้นั้นจะมีฐานะยากจนหรือร่ำรวยสักปานใดก็ตามทีย่อมแก้ไขได้ยากแท้ เหตุเพราะคนเราขาดความสันโดษในการใช่จ่ายทรัพย์เพื่อบำรุงบำเรอตนจนเป็นหนี้เป็นสินคนอื่น ฉะนั้นยากจนก็ยิ่งจนเข้าไปอีกกว่าเก่าและคนร่ำรวยกลับเปลี่ยนฐานะมาเป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์แทน น่าสงสารและ
สมเพชเสียจริง เจ้าตัวความสันโดษเป็นอย่างไรละ ความสันโดษคือความพอใจตามที่มียินดีตามที่หามาได้โดยถูกต้อง ดูกำลังทรัพย์ของตนก่อนเวลาจะซื้อหาอะไรต่อมิอะไร อย่าอยากได้อยากมีจนเกินกำลังตน จึงจะสามารถผ่านพ้นคำว่า ยากจน ไปได้
ความจนเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญและน่ากลัวแต่เป็นการพิสูจน์ความสามารถของเราที่แน่ ๆ ท่านอย่าเป็นคนจนน้ำใจต่อคนอื่นก็แล้วกันเพราะคุณค่าราคาจะลดลง ความอยากจนต่างหากละเป็นสิ่งน่ากลัวเอามาก ๆ เลย ระวังเอาไว้บ้างนะอย่าให้มันเกิดขึ้นกับคุณก็แล้วกันเพราะมันแก้ยากกว่าคำว่า ยากจน

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ทาส

แม้ยุคแห่งการเป็นทาสของคนอื่นมันจะหมดไปแล้วตั้งแต่สมัย  สมเด็จพระปิยมหาราช  ( ร.5 ) พระองค์ทรงช่วยปลดเปลื้องพสกนิกรออกจากความเป็นทาสก็ตาม  แต่ในปัจจุบันความเป็นทาสนั้นยังมีหลงเหลืออยู่ให้รับรู้โดยความเป็นนามธรรม  หากท่านสงสัยก็ตามมาทางนี้ดีกว่าเพื่อจะได้ทำความเข้าใจตามความเป็นจริงทุกคนย่อมจะพูดออกมาได้เต็มปากว่าในยุคนี้ไม่มีทาสเหมือนแต่ก่อนแล้วก็จริง  แต่ว่าทุกคนจะมีอาการโต้แย้งอยู่ในใจเสมอ  ฉันยังเป็นทาสอยู่เหมือนเดิมหรือนี้ไม่น่าเลย    คือคนในปัจจุบันเปลี่ยนจากความเป็นทาสแบบรูปธรรม  ( มีตัวตน )  กลับมาเป็นทาสแบบนามธรรม  ( ไม่มีตัวตน ) แทนอย่างไงละครับ  ทุกคนได้ผ่านพ้นจากความเป็นทาสโดยกำเนิดในสมัยพระสมเด็จปิยมหาราชเจ้าก็จริงแต่ทุกคนก็ยังยอมเป็นทาสอยู่นั่นเองคือทาสจำยอมมีอยู่  4  จำพวกดังนี้  ทาสรัก  ทาสกิเลส  ทาสวัตถุนิยม  ทาสสังคม  นี่ละครับทุกท่านคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตนไม่เคยเป็นทาสหนึ่งในสี่จำพวกนั้นมาก่อนหรือแม้แต่ในขณะนี้
                ทาสรัก  เป็นธรรมดาเมื่อเรา ๆ ท่าน ๆ มีความรักหรือมอบความรักให้แก่ใครแล้ว  มักจะตกเป็นทาสของเขาแบบไม่รู้ตัวแบบถอนตัวไม่ออกเลยอาทิเช่น  รักลูก  รักแฟน  จึงมักมีคำพังเพยว่า  ความรักมักทำให้คนตาบอดและมักจะยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรักเสมอ
                ทาสกิเลส  คนส่วนมากไม่ว่าใครก็ตามยอมหนีจากทาสชนิดนี้ได้ยากเพราะมันติดตามตัวตนเรามาตั้งแต่เกิด  ทาสชนิดนี้เกิดขึ้นกับใครแล้วย่อมทำจิตของเขาให้เศร้าหมอง  ขุ่นมัว  เร่าร้อน  กระวนกระวาย  กิเลสที่ว่านั้นมี  ราคะ  โทสะ  โมหะ  อิสสา  ริษยา  เป็นต้นแม้จะหนีเท่าไหร่ก็ไม้พ้นสักทีโยเฉาพะในปัจจุบันนี้ทาสชนิดนี้อาละวาดหนักมาก  เกิดขึ้นในหมู่ชนทุกระดับตั้งแต่  ชาวนาจนระดับผู้บริหารประเทศชาติสังคมจึงประสบกับปัญหากันมาหลายต่อหลายรุ่น
                ทาสวัตถุนิยม  คือการที่บุคคลติดอยู่ในความทรงเจริญของโลกไม่สามารถหยุดใจห้ามตนเองได้เช่นเห็นคนอื่นมีเสื้อผ้าสวย ๆ   บ้านหลังใหญ่โต  รถคันหรู ๆ เป็นต้นก็อดใจไว้ไม่ได้จำต้องยอมเสียเงินทองแลกเปลี่ยนซื้อหามาเพื่อสนองความต้องการของตน  ทาสวัตถุนิยมนี้หากว่าไม่พยายามตัดมันออกไปจะต้องได้รับความทุกข์ในมาจบสิ้นแน่แท้
                ทาสสังคม  คือการที่เรายอมรับใช้คนส่วนมากโดยการยอมทำหน้าที่เพื่อบริหารประเทศชาติบ้านเมืองแทนประชาชนอาทิเช่น  ผู้ใหญ่บ้าน  กำนัน  สจ. สส. แต่ถ้าคนที่ยอมเป็นทาสสังคมคิดอยากจะเป็นนายของสังคม  ก็วุ่นกันหนักแน่ท่านลองนึกดูเหตุการณ์ก็แล้วกัน  เพราะเวลาที่มาหาคะแนนเสียงกับประชาชนมักจะพูกันทุกคนว่า  ผมจะยอมรับใช้ประชาชนเต็มความสามารถขอให้ทุกท่านเลือกผมเถอะ    ตามที่ว่ามานี้ทุกท่านคงจะได้ยินจนชินหูแล้วนะครับ
           จากหนังสือข้อคิดสะกิดใจ ของวงศ์จำเริญ